search icon mobile
search on header
จำนวนผู้เข้าชม 6,808,974

ข่าวปลอม อย่าแชร์! โควิดสายพันธุ์ XBB ตรวจพบยาก เป็นพิษมากกว่าเดลตา 5 เท่า และมีอัตราการตายที่สูงกว่า

ตามที่มีข้อมูลปรากฏเกี่ยวกับประเด็นโควิดสายพันธุ์ XBB ตรวจพบยาก เป็นพิษมากกว่าเดลตา 5 เท่า และมีอัตราการตายที่สูงกว่า ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

จากกรณีที่มีการแจ้งเตือนโดยระบุว่า โควิดสายพันธุ์ XBB ตรวจพบได้ยาก เป็นพิษมากกว่าเดลตา 5 เท่า และมีอัตราการตายที่สูงกว่านั้น ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาชี้แจงว่า ปัจจุบันสายพันธุ์โอมิครอน BN.1 และลูกหลานซึ่งมีความได้เปรียบในการแพร่กระจาย และสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่กระจายอยู่ในประเทศไทยแต่มีแนวโน้มลดลง ในขณะเดียวกัน

สถานการณ์สายพันธุ์ลูกผสม XBB.1.5 XBB.1.16 และ XBB* รวมถึงลูกหลาน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและน่าจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในอนาคต ผลการเฝ้าระวังสายพันธุ์เชื้อก่อโรคโควิด 19 ในประเทศไทย ด้วยการตรวจหาสารพันธุกรรมแบบทั้งตัว ในช่วงเดือนมีนาคม 2566 พบว่าสัดส่วนสายพันธุ์ BA.2.75* และลูกหลานมีแนวโน้มลดลงจากเดิมที่พบสัดส่วน 73.02% ในสัปดาห์แรกของเดือน ลดลงเหลือ 40.00% ในสัปดาห์สุดท้าย ขณะที่สายพันธุ์ XBB* มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 12.70% ในสัปดาห์แรกของเดือน เป็น 20.00% ในสัปดาห์สุดท้าย ส่วนสายพันธุ์ XBB.1.16 ที่องค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสายพันธุ์ที่กำลังติดตาม ซึ่งพบมากในอินเดียและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศอินเดียนั้น เป็นสายพันธุ์ลูกผสมของ BA.2.10.1 และ BA.2.75 พบรายงานครั้งแรกจากประเทศอินเดีย มีตำแหน่งกลายพันธุ์ K478R ซึ่งสัมพันธ์กับความสามารถในการหลบภูมิคุ้มกันของไวรัส ทั้งจากการติดเชื้อตามธรรมชาติและจากการกระตุ้นด้วยวัคซีน และมีความได้เปรียบในการเติบโตสูงกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ที่มีการหมุนเวียนอยู่ ณ ปัจจุบัน รวมถึง XBB.1.5 อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานแสดงว่า XBB.1.16 ส่งผลต่อความรุนแรงของโรค และวิธีการตรวจหาเชื้อที่ใช้ในปัจจุบันยังตรวจจับเชื้อได้อยู่ อย่างไรก็ตามกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่าย ยังคงเฝ้าระวังติดตามการกลายพันธุ์ของเชื้อ SARS-CoV-2 อย่างต่อเนื่อง และเผยแพร่บนฐานข้อมูลสากล GISAID อย่างสม่ำเสมอ

website 1780

 

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www3.dmsc.moph.go.th หรือโทร. 02 9510000

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ปัจจุบันสายพันธุ์โอมิครอน BN.1 และลูกหลานซึ่งมีความได้เปรียบในการแพร่กระจาย และสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่กระจายอยู่ในประเทศไทยแต่มีแนวโน้มลดลง ในขณะเดียวกัน  ยังไม่มีหลักฐานแสดงว่า XBB.1.16 ส่งผลต่อความรุนแรงของโรค และวิธีการตรวจหาเชื้อที่ใช้ในปัจจุบันยังตรวจจับเชื้อได้อยู่ 

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด