1. เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อรถจอดเสีย ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เพื่อเตือนให้รถคันข้างหลังชะลอความเร็วลงลดการเฉี่ยวชนท้ายรถ (พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 56)
2. เปิดไฟฉุกเฉินช่วงสั้น ๆ เมื่อเบรกกะทันหัน หรือต้องจอดรถเป็นคันสุดท้าย เพื่อเตือนให้รถคันที่ขับตามหลัง ระวังและชะลอความเร็ว
3. เมื่อเจอสิ่งกีดขวาง เจออุบัติเหตุข้างหน้า เพื่อเตือนรถคันหลังที่ขับตามมา ระวังและชะลอความเร็ว
และไฟฉุกเฉินไม่ควรเปิดในสถานการณ์ต่อไปนี้
1. ไม่เปิดไฟฉุกเฉินขณะฝนตก ทำให้รถคันที่ขับตามหลังดวงตาพร่ามัว หากมีรถหลายคันเปิดไฟฉุกเฉิน พร้อมกันจะทำให้กะระยะได้ยาก และไม่รู้ว่าเราต้องการขับไปทิศทางใด
– เมื่อฝนตกทัศนวิสัยไม่ดี ควรเปิดไฟหน้ารถและไฟตัดหมอก
– หากทัศนวิสัยแย่จนมองไม่เห็นทาง ควรจอดหลบและควรเปิดไฟฉุกเฉิน
2. ไม่เปิดไฟฉุกเฉินข้ามแยก สร้างความสับสน ผู้ใช้รถคันอื่นไม่รู้ว่าต้องการเลี้ยวไปยังด้านซ้าย-ขวา หรือต้องการตรงไป เพราะจะเห็นแค่ไฟกะพริบมุมหน้ามุมเดียว ทำให้เกิดการเข้าใจผิด อาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้
– การขับรถข้ามทางแยกที่ถูกต้อง ให้มองซ้าย-มองขวา เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้ว จึงขับข้ามแยก ไปเลย โดยไม่ต้องเปิดไฟฉุกเฉิน
3. ไม่เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อ ขับรถแช่ขวา ปาดไป-มา อันตรายต่อเพื่อนร่วมทาง รถที่ขับตามหลังมาไม่สามารถรู้ได้ว่าเราต้องการไป ทิศทางใด เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ