มิจฉาชีพมักจะใช้หลักจิตวิทยาในการโน้มน้าวให้เชื่อ โดยอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ หรือองค์กรต่าง ๆ เพื่อให้ผู้รับสารทำตามอุบายที่วางไว้ ภายในเวลาที่จำกัด หรือล่อด้วยผลตอบแทนที่ต้องรีบตัดสินใจ เพื่อกระตุ้นให้เหยื่อรีบทำตาม โดยขาดการคิดให้รอบคอบ และ 1 ในวิธีการที่มิจฉาชีพนิยมใช้ก็คือ การหลอกขอข้อมูล และให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม จากนั้นก็เข้าควบคุมโทรศัพท์มือถือของเหยื่อจากระยะไกล แล้วทำการโอนเงินของเหยื่อออกมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเห็นหน้าหรือเจอตัวกัน โดยขั้นตอนการหลอกลวง มีดังนี้
- ติดต่อเข้ามาหาเหยื่อโดยอ้างเป็นหน่วยงานรัฐ หรือองค์กรต่าง ๆ เช่น กรมสรรพากร กรมที่ดิน กรมบัญชีกลาง กรมบังคับคดี การไฟฟ้า การประปา สถาบันการเงิน สำนักงานตำรวจ สายการบิน ศูนย์บัตรเครดิต เป็นต้น
- มิจฉาชีพมักจะบอก ชื่อ หรือข้อมูลเบื้องต้นของเหยื่อได้ถูกต้อง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และทำให้เกิดการหลงเชื่อ
- จากนั้นมิจฉาชีพจะหลอกขอข้อมูลที่จำเป็นอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยให้เหยื่อเพิ่มเพื่อนใน LINE เพื่อทักคุยกันส่วนตัว
- อาจจะมีการส่งลิงก์ให้คลิก หรือส่งไฟล์มาให้เหยื่อดาวน์โหลด เพื่อติดตั้งแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพเตรียมไว้สำหรับการเข้าควบคุมอุปกรณ์มือถือ โดยแอปพลิเคชันที่ให้ติดตั้ง มักจะเป็นแอปฯ ปลอมที่ใช้ชื่อตามหน่วยงานที่นำมาแอบอ้าง หรืออาจส่งลิงก์ให้ไปดาวน์โหลดแอปฯ ควบคุมมือถือโดยตรง ซึ่งแล้วแต่กลวิธีของมิจฉาชีพแต่ละขบวนการ
- หลังจากที่เหยื่อติดตั้งแอปพลิเคชันตามคำกล่าวอ้างเรียบร้อยแล้ว มิจฉาชีพจะหลอกให้กรอกข้อมูลสำคัญต่าง ๆ เพิ่มเติม รวมถึงสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน ซึ่งข้อมูลที่เราให้ไป หรือกดส่งไปในขั้นตอนนี้ จะเป็นเหมือนการอนุญาตให้มิจฉาชีพสวมรอยเข้ามาทำธุรกรรมในนามของเหยื่อได้ทันที โทรศัพท์มือถือของเหยื่อก็จะถูกล็อก
- มิจฉาชีพจะเข้ามาถอนเงินในบัญชีของเหยื่อออกไป ซึ่งกว่าเหยื่อจะรู้ตัว เงินก็ถูกย้ายออกไปตามบัญชีม้าต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว
- มิจฉาชีพจะนำข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อมาเก็บไว้เพื่อหลอกลวงในรูปแบบอื่น ๆ ต่อไป
