ปัจจุบันในยุคสารสนเทศที่ไร้พรมแดน ผู้คนทั่วโลกต่างก็ใช้อีเมลเป็นเครื่องมือในการสื่อสารระหว่างกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งประโยชน์ของอีเมลนั้นมีมากมาย แต่ก็อาจเป็นช่องโหว่ให้แก่เหล่ามิจฉาชีพในการแสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ หากคุณเห็นข้อความที่มีการขอชื่อบัญชีและรหัสผ่านของคุณในขณะเปิดอีเมล หรือในอีเมลของคุณมีไวรัส คุณอาจจะกำลังตกเป็นเป้าหมายของการหลอกลวงได้
ผู้หลอกลวงจะทำทุกวิถีทาง ทั้งอีเมลปลอม โฆษณาป๊อปอัพ ข้อความตัวอักษร ลิงก์เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ไม่พึงประสงค์ เพื่อพยายามหลอกให้คุณแชร์ข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่าน หรือข้อมูลบัตรเครดิตของคุณ ดังนั้น เพื่อป้องกันภัยคุกคามอันเกิดจากอีเมลหลอกลวงดังกล่าว ให้ทำตาม 10 คำแนะนำการป้องกันภัยคุกคามทางอีเมล ดังนี้
- ตั้งรหัสผ่าน (Password) ที่คาดเดาได้ยาก และหมั่นเปลี่ยนบ่อย ๆ
- ดูแลช่องทางที่ใช้ในการเปลี่ยน (Reset) รหัสผ่านให้มีความมั่นคงปลอดภัย เช่น อีเมลสำรองสำหรับกู้คืนบัญชี
- หมั่นตรวจสอบประวัติการใช้งานที่น่าสงสัย รวมถึงช่องทางในการยืนยันตัวตนอย่างสม่ำเสมอ
- ติดตั้งโปรแกรม AntiVirus อัปเดตระบบปฏิบัติการ และ Web Browser รวมถึงตัวซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
- หลีกเลี่ยงการใช้เว็บเมลผ่านทางเครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะ และไม่ควรตั้งค่าให้ Web Browser จำรหัสผ่าน
- ระวังในการเปิดไฟล์แนบ หรือคลิกลิงก์ที่พาไปเว็บไซต์อื่น
- แม้อีเมลจากคนรู้จัก ก็อาจเป็นคนร้ายปลอมตัวมาก็ได้ ถ้าไม่แน่ใจ ควรยืนยันช่องทางอื่นที่ไม่ใช่อีเมล เช่น แจ้งยืนยันเปลี่ยนเลขที่บัญชีโอนเงินทางโทรศัพท์
- ควรเปิดการใช้งานยืนยันตัวตนแบบ 2 Factor Authentication โดยใช้เบอร์โทรศัพท์ อีเมลสำรอง หรือแอป เช่น Google Authenticator
- ตรวจสอบรายชื่อผู้รับอีเมลก่อนกดปุ่ม Reply หรือ Reply All ทุกครั้ง เพราะผู้ร้ายมักใช้เทคนิคตั้งชื่ออีเมลที่ใกล้เคียงกับคนที่เรารู้จัก เช่น [email protected] กับ [email protected] (เลข 0 แทนตัวอักษร o)
- อย่าหลงเชื่ออีเมลที่หลอกให้เปลี่ยนรหัสผ่านหรือให้อัปเดตข้อมูลส่วนตัว หากไม่แน่ใจควรสอบถามผู้ที่ส่งข้อมูลมาในทางช่องทางอื่น ๆ อีกครั้ง
นอกจากนี้ ขอให้ผู้ใช้งานอีเมลควรหมั่นตรวจสอบการตั้งค่าชื่อบัญชีอีเมลของตนเองว่า เบอร์โทรศัพท์ อีเมลสำรองที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันถูกต้องไม่มีอะไรผิดปกติ หากพบความผิดปกติควรดำเนินการแก้ไขอย่างรวดเร็ว